สรุปเนื้อหา สัมมนาออนไลน์ “บริหารทีมขายด้วยเทคโนโลยีปี 2022” วันที่ 16 ธันวาคม 2564


2022-02-09 16:36:36

หัวข้อ “สร้าง Customer Data Platform ให้ยั่งยืน และ ใช้ Sales Automation อย่างไรให้ Win Win” โดย คุณทินกร เหล่าเราวิโรจน์ อดีตนายกสมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย และผู้พัฒนา platform นามบัตรดิจิทัล และคุณเศรษฐพงศ์ กตคุณไพศาล กรรมการผู้จัดการบริษัท ไอซีเอ็ม สมาร์ท โซลูชั่น จำกัด ดูย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/yqrtoday/

ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ทำให้การดำเนินชีวิตของหลายคนเปลี่ยนไป ยกตัวอย่างเช่นการประชุมที่เปลี่ยนจากการเข้าประชุมพร้อมกันในห้องทุกคนหันมาใช้วิธีประชุมออนไลน์กันหมดแล้ว เนื่องด้วยเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกด้วยอย่างหนึ่ง ทำให้ทุกคนสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ในโลก

บรรยายเรื่อง ใช้ Sales Automation อย่างไรให้ Win Win โดยคุณเศรษฐพงศ์ กตคุณไพศาล

การบริหารทีมขายในยุค 2022 ต้องย้อนไปถึงก่อนหน้านี้ที่วิทยากรเคยสัมผัสกับริษัทมหาชนที่มีทีมขาย 200-300 คน จนถึง SMEs ที่มีทีมขายประมาณ 5 คน พบว่าปัญหาในแต่ละ level ก็จะแตกต่างกัน และวิธีการจัดการทีมขายก็คงใช้วิธีเดียวกันไม่ได้ สามารถพบปัญหาตั้งแต่ต้นกระบวนการจนถึงกระบวนการสุดท้ายใน Back office ของลูกค้า ต้องเก็บโจทย์เหล่านี้มาคิดว่าถ้าเป็นบริษัทขนาดใหญ่ เราต้องช่วยเขาทำระบบที่รองรับกระบวนการต่าง ๆ ที่เขาต้องเติบโตอย่างยั่งยืนได้อย่างไร เช่นเดียวกับลูกค้ารายเล็กที่เราได้ปรึกษากับพาร์ทเนอร์เพื่อให้เขามีศักยภาพสามารถต่อกรได้กับบริษัทขนาดใหญ่ได้

“ผมถือว่าเป็นหน้าที่ของ Tech Provider ทุกคนที่ต้องผลิต คิดค้น นวัตกรรมอะไรที่จะมาเป็นตัวช่วยเสริมให้เขามีเครื่องไม้เครื่องมืออกไปต่อสู้” คุณเศรษฐพงศ์ กล่าว

การใช้ Sales Automation อย่างไรให้ Win-Win

บริษัท ไอซีเอ็ม สมาร์ท โซลูชั่น จำกัด ได้พัฒนา Smart Business Solution ให้แก่ลูกค้า เพื่อให้ลูกค้ามีเครื่องมือที่สามารถทำให้การขายสะดวก คล่องตัว รวดเร็ว และถูกต้องมากขึ้นโดยที่ไม่ต้องไปเปลี่ยนระบบหลังบ้านมากนัก

ระบบ iSmart Sales คือ Sales Team Management ที่ใช้บริหารจัดการทีมขายทั้งกระบวนการตั้งแต่พนักงานขายเริ่มออกไปพบลูกค้าจนกระทั่งถึงบริการหลังการขายด้วย

ปัจจุบัน บริษัทฯ ก็ได้เป็นพาร์ทเนอร์กับ YourQR ในการนำนวัตกรรมใหม่ ๆ มาต่อพ่วงกับระบบ iSmart Sales เพื่อให้พนักงานสามารถเก็บช้อมูลของลูกค้าและเก็บเข้ามายังบริษัทอย่างรวดเร็วและถูกต้องมากที่สุด เพราะทีมขายมีเวลาน้อย อะไรที่จะช่วยให้เขาประหยัดเวลาและทำงานได้คล่องตัวขึ้น เราก็สมควรทำ

Top 6 Sales Tech Trend for 2022 จะกล่าวถึงเฉพาะเทคโนโลยีที่ผู้ใช้บริการในประเทศไทยสามารถเข้าถึงได้

Cloud every day เป็น Cloud service ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันอย่างต่อเนื่อง แบบไม่มีไม่ได้ โดยเฉพาะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมากับ COVID-19

Sales force automation for the win ปัจจุบันเราต้องมีอุปกรณ์สำหรับผู้แทนขายเพื่อนำไปใช้กับลูกค้า เมื่อเปรียบเทียบกันระหว่างผู้ที่มีอุปกรณ์เหล่านี้กับไม่มี จะพบความแตกต่างอย่างแรกคือภาพลักษณ์ อย่างที่สองคือการบริการของพนักงานขาย เพราะฉะนั้นต้องคิดว่าทำอย่างไรให้ข้อมูลต่าง ๆ ที่อยู่ในองค์กรมีประโยชน์ต่อหน้างานเพื่อให้พนักงานขายนำไปใช้กับลูกค้าเพื่อให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ซึ่ง Sales force automation tool เป็นตัวที่ตอบโจทย์ที่จะนำมาใช้ในปี 2022 นี้

Sales Analytics for Decision Making ถามผู้บริหารว่า ณ วันนี้กว่าที่ท่านจะได้ข้อมูลมาต้องผ่านกระบวนการอะไรบ้าง และได้ข้อมูลนั้นทันเวลาหรือไม่ และมีความถูกต้องสามารถใช้ได้จริงหรือไม่ Tool เหล่านี้สามารถแก้ปัญหาได้ เพราะปัจจุบันเรื่องความเร็วเป็นเรื่องสำคัญ ความถูกต้องก็ต้องมาพร้อมกัน มีการคาดเดาว่าภายในปี 2025 อย่างน้อย 60% จะต้องมีเครื่องมือเหล่านี้ในการขับเคลื่อนธุรกิจ แล้ววันนี้เราอยู่ใน 60% นั้นหรือยัง

Artificial Intelligence ปัจจุบันเราอาจจะคุ้นชินกับ AI ที่เป็นแพลตฟอร์ม อย่างเช่น Chatbot ต่าง ๆ ซึ่งคิดว่า Chatbot ในปี 2022 ต้องเก่งขึ้นกว่าในปัจจุบัน ตั้งแต่ต้นกระบวนการขาย หลังจากได้ออร์เดอร์ต้องทำอย่างไร และบริการหลังการขาย เราจะใช้ AI อย่างไรให้เหมาะสม ถ้าท่านกำลังมองหา AI อยู่ก็ลองสอบถามผู้ให้บริการดูว่าเขามีการปรับใช้ AI ในแต่ละส่วนอย่างไร ในอนาคตเราอาจจะเห็น AI ปิดการขายได้ โดยเฉพาะสินค้าที่ไม่มีความยากในการขายน่าจะทำได้ทั้ง B2C และ B2B

Robotic ในช่วง COVID-19 ที่ผ่านมา ในบริษัทที่มีการนำ Robotic มาใช้แล้วก็จะประสบปัญหาไม่มากเท่าไร อย่างเช่นเรื่องปัญหาบุคคลากรไม่สามารถเดินทางมาทำงานได้ หรือ operation ภายในที่ยังสามารถดำเนินไปได้โดยสะดวกโดยที่พึ่งพาแรงงานคนน้อยที่สุด และในปี 2022 ก็จะมีการนำ Robotic มาใช้งานเพิ่มมากขึ้นไม่เฉพาะแต่ในโรงงานเท่านั้น บริษัทต่าง ๆ ต้องมองหาเทคโนโลยีนี้เพื่อลดภาระในการทำงานและการบริหาร 

Mobile technology is key ปัจจุบัน User ทุกคนต่างคุ้นเคยกับการใช้โทรศัพท์มือถือกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะช่วงหลัง ๆ ที่มีการสั่งสินค้าออนไลน์กันมากขึ้น ผู้ขาย B2B ที่เคยต้องใช้พนักงานขายทำการขายสินค้าก็เปลี่ยนเป็นให้ลูกค้าทำการสั่งสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์กันมากขึ้น และยังสามารถให้ลูกค้าสั่งสินค้าได้ตลอดเวลา 24/7 อีกด้วย 

ที่กล่าวมาคือ trend เทคโนโลยีในปี 2022 ท่านลองพิจารณาดูว่าเทคโนโลยีตัวไหนที่เหมาะสมกับการลงทุนในธุรกิจของท่าน

Topics

1. Pain points งานบริหารทีมขายที่ไม่มีระบบรองรับ

                1.1.เป้าหมาย แน่นอนว่าการทำธุรกิจต้องมีการตั้งเป้าว่าในแต่ละปีต้องมีรายได้เท่าไร ต้องทำ Sales Forecast แต่ละไตรมาส ต้องปรับแผนกลยุทธ์ตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนไป แล้ววันนี้ท่านใช้เครื่องมืออะไรที่ทำงานพวกนี้ ยังใช้ระบบเดิม ๆ อยู้หรือเปล่า ท่านสามารถเรียกประชุมสั่งการได้รวดเร็วแค่ไหน

                1.2.ให้คำปรึกษา แก่ลูกค้ารวมถึงการรักษาฐานลูกค้าปัจจุบัน เพราะการสูญเสียลูกค้าไปหนึ่งรายนั้นเท่ากับเราสูญเสียเงินลงทุนไปมากมาย ตัวแทนขายคือกุญแจสำคัญ ทำอย่างไรให้ลูกค้าไม่รู้สึกว่าเรากำลังขายของ แต่เป็นการช่วยให้ธุรกิจของเขากำลังเติบโต เป็นที่ปรึกษา ซึ่งเขาจะต้องมีข้อมูลที่เพียงพอ มีอุปกรณ์ที่จะคอยช่วยเหลือเขาที่ใช้งานง่าย วันนี้เรามีสิ่งเหล่านี้หรือยัง เพื่อให้เขาเป็น Sales มืออาชีพ

                1.3.ลูกค้าใหม่ ก็สำคัญ วันนี้ท่านมีการตรวจสอบหรือไม่ว่ามี prospect ที่ turn มาเป็น existing customer ในอัตราส่วนเท่าไร ท่านต้องมีข้อมูลเหล่านี้เพื่อที่จะได้รู้ว่าควรลงทุนตรงไหน แล้วท่านมีเครื่องมือที่จะรวบรวมข้อมูลเหล่านี้หรือยัง

                1.4.ความผิดพลาด ความซ้ำซ้อนที่เกิดจากการขาย ข้อมูลจากพนักงานขายส่งคำสั่งซื้อให้ admin support ส่งให้ warehouse กว่าจะถึงมือขนส่ง ขั้นตอนเหล่านี้ท่านมีช่องโหว่หรือข้อผิดพลาดตรงไหนบ้าง ความผิดพลาดเหล่านี้นำมาซึ่งความสูญเสียทั้งเงินและเวลา ที่สำคัญที่สุดคือความพึงพอใจของลูกค้า เราจึงควร focus ในเรื่องที่จะปรับปรุงกระบวนการเหล่านี้ให้ดีขึ้น

                1.5.การส่งต่อความรู้ในองค์กร ในกรณีที่มีการ turn over ของพนักงานในตำแหน่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Sales Manager หรือ Sales Support Admin ท่านมีการส่งต่อความรู้ในองค์กรของท่านอย่างไร จะดีกว่าไหมถ้าความรู้ทั้งหมดจะอยู่ในระบบ และพนักงานก็ทำงานตามระบบที่ถูกวางไว้

                1.6.การเติบโตขององค์กร ท่านจะเติบโตไปพร้อมกับความปวดหัว ยิ่งโตยิ่งต้องเพิ่มคนหมายความว่าเพิ่มปัญหาดวย ท่านมี tool ในการ scale หรือยัง scale อย่างไรไม่ต้องเพิ่มคน ไม่เพิ่มค่าใชจ่าย เทคโนโลยีสามารถช่วยท่านได้

2. What is Sales Force Automation & CRM

                2.1.Sales Force Automation โดยตัวระบบเองจะมุ่งเน้นอยู่ 2 เรื่อง 

  • กระบวนการขาย เพื่อให้เราสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งเอาไว้ Solution ตัวนี้คือตัวที่จะทำให้ท่านไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ 
  • การ convert prospects ให้เป็น existing customers ระบบต้องสามารถติดตามได้ว่าในแต่ละช่วงเวลาที่ผ่านไป ท่านสามารถ convert ลูกค้าได้มากน้อยแค่ไหน

                2.2.Customer Relationship Management (CRM) เป็นเรื่องการสร้างความสัมพันธ์ของลูกค้า ให้ท่านสามารถดูแลลูกค้าให้พึงพอใจกับการบริการของท่าน การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อนำไปสู่การทำโปรโมชั่นหรือการแนะนำลูกค้าเพื่อให้ธุรกิจของลูกค้าเติบโตขึ้น เช่นการ manage contact การลด customer complain ที่อาจเกิดขึ้น

                ท่านต้องพิจารณาดูว่าท่านกำลังมองหาระบบไหนอยู่กันแน่

3. ใครบ้างต้อง Win เมื่อใช้ Sales Force Automation

เมื่อท่านเลือกที่จะ implement ระบบ Sales Force Automation ใครบ้างต้อง Win?

                3.1.เจ้าของธุรกิจ (Business owner) ต้องสามารถ 

  • monitor ยอดขายได้ว่าเป็นไปตามเป้าหรือไม่ และต้องรู้ได้ก่อนจากการแจ้งเตือนของระบบหากไม่เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ 
  • ความเชื่อมั่นของลูกค้า เพราะ “พนักงานขายคือหน้าตาขององค์กร” ถ้าอยากรู้ว่าบริษัทนี้เป็นอย่างไรให้ดูที่พนักงานขาย ดังนั้นถ้าในวันนี้พนักงานขายของท่านไปพบลูกค้าอย่างมืออาชีพ มีเครื่องมือในการขายสินค้า เป็นที่ปรึกษาชั้นเลิศ ทำให้ลูกค้าประทับใจและเชื่อมั่น 
  • การเติบโตของธุรกิจ ด้วยระบบ automation ท่านสามารถเติบโตได้โดยไม่ต้องเพิ่มคนในอัตราเดียวกับธุรกิจ เปรียบเทียบให้เห็นภาพว่าธุรกิจของท่านอาจจะเติบโตขึ้น 2-3 เท่า แต่ท่านไม่จำเป็นต้องเพิ่มคน 2-3 เท่าเพียงใช้ระบบที่สามารถ run ได้โดยอัตโนมัติ

                3.2.ลูกค้าของคุณ (Your Customer) จะได้ 

  • ที่ปรึกษาชั้นเลิศ ถ้าเป็นพนักงานขายสมัยเก่าส่วนใหญ่เมื่อลูกค้ามีคำถามก็จะใช้วิธีจำหรือคาดเดา แต่ปัจจุบันพนักงานที่มีเครื่องมือติดตัวสามารถตอบลูกค้าได้ทันทีในทุกเรื่อง จะทำให้พนักงานขายธรรมดา ๆ กลายเป็นพนักงานขายมืออาชีพได้ 
  • การบริการอย่างประทับใจจากพนักงานขายมืออาชีพของท่าน ลดโอกาสที่ลูกค้าจะเปลี่ยนใจไปซื้อสินค้าจากบริษัทคู่แข่ง 
  • รับข้อมูลอย่างถูกต้อง เพราะมีอยู่บ่อยครั้งที่พนักงานให้ข้อมูลผิด แจ้งราคาผิด ทำให้เกิดความเสียหายที่บริษัทต้องรับผิดชอบ ซึ่งในะรบบ automation นี้จะมีข้อมูลที่ถูกต้องให้พนักงานขายสามารถเรียกดูได้

                3.3.พนักงานของคุณ (Sales Team & Support & Accounting) จะสามารถ 

  • ลดภาระงานนอกเวลางาน ที่ต้องทำเอกสารหลังเลิกงาน 
  • มีเวลามากขึ้น สามารถ Focus ลูกค้าได้มากขึ้น วางแผนการขายได้ดีขึ้น 
  • มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น 
  • มีกระบวนการขายที่ถูกต้องและรวดเร็ว เพราะข้อมูลการขายทั้งหมดจะถูกบันทึกและส่งเป็นดิจิทัลทั้งหมด ลดต้นทุนกระดาษ ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง และลดภาระงานของ admin 
  • ทำดีมีคนเห็น เพราะระบบสามารถทำให้เจ้าของธุรกิจรู้ได้ว่าพนักงานคนไหนทำงานดีหรือไม่ดี ดูแลลูกค้าได้ตามเป้าหมายหรือไม่ และสามารถตรวจสอบได้ 

4. Key Success Factors

                4.1.นโยบายจากผู้บริหาร (Business Owner Policies) ต้องชัดเจน เพราะ Sales Force Automation นี้ถือเป็น Strategic Tool ตัวหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการขายและพนักงาน ที่จะทำให้พวกเขาทำงานได้ถูกต้องรวดเร็วและตรวจสอบได้มากขึ้น ตัวอย่างของนโยบายที่ควรตั้ง 

  • เติบโตด้วยระบบ 
  • ความมั่นคงทางธุรกิจ ทั้งนี้เพื่อให้ Key users นำไปทำการบ้านเพื่อตอบวัตถุประสงค์เหล่านี้

                4.2.ตัวแทนผู้บริหาร (Key Users) ทุกฝ่าย ที่มีคุณสมบัติ 

  • มีภาวะผู้นำ สามารถนำคนในองค์กรได้ สามารถทำ Change Management ในองค์กรหรือในหน่วยงานที่เขาเกี่ยวข้องได้ สามารถ convince หรือแม้แต่ command คนได้ 
  • กล้าเปลี่ยนแปลงตามนโยบาย 
  • รู้ pain point & improvement ของตัวเอง 
  • พร้อมลุย เพราะการ implement ระบบนี้ ต้องใช้เวลาทั้งในและนอกเวลางานในการเปลี่ยนแปลง

                และอย่าลืมที่จะให้รางวัลแก่ Key user เหล่านี้เมื่อการพัฒนาระบบสำเร็จ

                4.3.ระบบ Sales Force Automation (Software Solution Provider) จากการทำงานของ Key users ให้พิจารณาเลือก software ที่จะนำมาใช้โดยพิจารณาจาก 

  • ครอบคลุมงานขายได้ตามโจทย์ ได้กี่% และถ้าได้ไม่เต็ม 100% เราจะจัดการอย่างไร กับ feature และ function ที่เราอยากได้ 
  • ใช้ได้จริง เพราะระบบ Sales Force Automation ไม่ได้เป็นระบบที่ใช้อยู่กับที่ แต่เป็นระบบที่ต้องอยู่หน้างานจริง อาจจะไม่มีสัญญาณ internet  ในทุก ๆ ที่ เราต้องมองหาระบบที่สามารถใช้งานได้ในทุกสภาวะ 
  • ประสบการณ์ และ success case สามารถสืบหาได้จาก web site หรือพิจารณาจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น 
  • ความเชี่ยวชาญ ใน solution นี้ ว่า software provider นั้นมีทีมงานเฉพาะที่ทำเรื่องนี้หรือไม่ ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงานจนถึงการดูแลอย่างต่อเนื่อง เพราะคงไม่มีใครอยากเปลี่นระบบบ่อย ๆ 
  • ต้องเป็น Open System สามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ ได้ เช่นระบบบัญชีเดิมที่มีอยู่แล้ว สามารถเชื่อมต่อกับระบบ Sales Force Automation ใหม่ได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยน เพราะการเปลี่ยนระบบบัญชีถือเป็นเรื่องใหญ่มาก รวมถึงระบบ warehouse ต่าง ๆ ด้วย

บรรยายเรื่อง สร้าง Customer Data Platform ให้ยั่งยืน โดยคุณทินกร เหล่าเราวิโรจน์

สภาพการทำงานที่ไม่เหมือนเดิม ปัจจัยเรื่อง COVID-19 ที่กระเทือนทุกคนในการทำงานที่ต้องมีการ Work From Home และผมเชื่อว่าบริษัทที่มีทีมขายคงเจอสภาพไม่ต่างกัน เพราะยังมีความเสี่ยงเรื่องติดเชื้ออยู่ เราไม่สามารถมารวมอยู่ในที่ทำงานเดียวกันตลอดเวลาได้เหมือนเดิมแล้ว จำเป็นต้องกระจายตัวทำงานมากขึ้น ต้องประชุมออนไลน์มากขึ้น ต้องใช้เครืองไม้เครื่องมือดิจิทัลมากขึ้น และเมื่อสภาพการทำงานที่ไม่เหมือนเดิม การทำงานของเราก็ต้องเปลี่ยนไป และที่สำคัญที่สุดคือการให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีให้มากขึ้น แต่ต้องเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะกับการทำงานของเรา

Customer Data Platform (CDP) คือแหล่งรวมข้อมูลของลูกค้า ซึ่งเมื่อก่อนอาจจะเป็นแฟ้ม กล่องนามบัตร หรืออะไรก็ตามที่เป็นเอกสารที่เก็บไว้ที่สำนักงาน แต่ด้วยปัจจัยที่เปลี่ยน การทำงาน remote มากขึ้น ทุกคนอยู่ข้างนอกมากขึ้น CDP จะต้องเป็นแหล่งรวบรวมขอ้มูลการติดต่อลูกค้าทุกช่องทาง ได้มาใหม่ จัดเก็บได้ เอามาใช้ประโยชน์ได้โดยสะดวก ไม่ต้องเดินทาง

แล้ว solution อะไรที่ตอบโจทย์เพื่อให้เราได้มาซึ่งข้อมูลของลูกค้าหรือ CDP ที่พูดถึง วันนี้ผมมี solution ตัวหนึ่งที่จะแนะนำให้รู้จักคือ YourQR Digital Name Card หรือนามบัตรดิจิทัล บางคนอาจจะมองว่าเป็นแค่การเปลี่ยนนามบัตรบนกระดาษเป็นข้อมูลบนมือถือและมี QR code ให้คนสแกนได้ แต่จริง ๆ แล้วมันทำได้มากกว่านั้น

อย่างแรกเลยลองนึกถึงทีมขายที่จะเข้ามาใช้งาน บริษัทเองสามารถเลือก theme ของนามบัตรได้เหมือนนามบัตรกระดาษ สามารถออกแบบได้ว่าต้องการโลโก้ขนาดไหน รูปพนักงานใหญ่หรือเล็ก มีตำแหน่ง มีลิงค์ไปที่ไหนบ้าง หรือแม้กระทั่งลิงค์ไปดูประวัติการฉีดวัคซีนของพนักงานได้ด้วย 

การสร้างข้อมูลพนักงาน เพราะในสมัยนี้บางทีเราไม่ได้เข้าสำนักงาน สัมภาษณ์งานก็ทำออนไลน์ บางทีพนักงานเริ่มทำงานแล้วยังไม่เข้าออฟฟิศก็มี แต่ด้วยความที่เป็นดิจิทัลทำให้เราสามารถเพิ่มพนักงานใหม่แบบออนไลน์ได้เลย โดยเข้าไปที่เว็ปไซต์ของ YourQR เพื่อเพิ่มพนักงานและสร้างนามบัตรของพนักงานนนั้น ๆ แล้วก็ส่งนามบัตรให้พนักงานได้ทันที อาจจะโดย Email, SMS หรือเป็น QR code อีกอันหนึ่งให้พนักงานเข้ามาสแกนเพื่อยืนยันตัวตน ทันทีที่พนักงานคนนั้นเข้ามาอยู่ใน loop ของบริษัทอแล้ว เขาก็จะมีนามบัตรดิจิทัลของตัวเอง 

เวลาออกไปพบลูกค้าโดยปกติเราก็จะแลกนามบัตรกระดาษกันทั้ง ๆ ที่ยังใส่หน้ากากอนามัย ก็เท่ากับยังมีความเสี่ยงในการติดเชื้อ COVID-19 อยู่ แต่พอเปลี่ยนมาเป็นนามบัตรดิจิทัล เราก็แค่ยื่นนามบัตรดิจิทัลบนมือถือให้ลูกค้าสแกนนามบัตรเรา และไม่ว่าเราจะสแกนนามบัตรลูกค้าหรือลูกค้าสแกนนามบัตรเรา ก็จะสามารถจัดกลุ่มได้ว่าวันนี้เราไปพบใครมา เช่น VIP, Potential customer, etc. ซึ่ง YourQR นี้จะเป็นสมุดโทรศัพท์ให้เราสามารถค้นหารายชื่อคนติดต่อได้เลย และสามารถติดต่อได้ทุกช่องทางที่มีข้อมูลไม่ว่าจะเป็น Email, Line, Facebook หรือ link  เพื่อที่จะเข้าไปดูข้อมูลต่าง ๆ 

แล้วถ้าเรามีนามบัตรดิจิทัลแล้วต้องไปพบกับคนอื่นที่เขาไม่มีแอพได้ไหม? ในส่วนนี้ผู้พัฒนาได้คิดเอาไว้แล้วว่า ถ้าต้องการให้มีผู้ใช้อย่างแพร่หลาย ต้องสามารถสแกนด้วยแอพอะไรก็ได้ ก็จะได้ข้อมูลในนามบัตรเช่นกัน สามารถติดต่อกับเราหรือจะเก็บข้อมูลของเราไว้ในสมุดโทรศัพท์ก็ได้เช่นกัน โดยตัวแอพ YuorQR เอง จะเป็นเครื่องมือในการสแกนอยู่แล้ว มันสามารถสแกนอะไรก็ได้ แต่ถ้าเป็นนามบัตรมันก็จะเก็บข้อมูลไว้ในสมุดโทรศัพท์ของแอพเลย ดังนั้นแอพนี้จะมาแทนที่สมุดโทรศัพท์เพราะสามารถเก็บข้อมูลอื่น ๆ ได้นอกจากเบอร์โทรศัพท์ เช่นรูปของเจ้าของเบอร์และช่องทางการติดต่ออื่น ๆ ด้วย 

อย่างที่กล่าวไว้ว่า CDP คือการรวบรวมข้อมูลของลูกค้า แอพ YourQR ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เก็บรวบรวมข้อมูลเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น และเวลาจะค้นหาก็ค้นได้จาก tag ที่เรากำหนดไว้ เช่นค้นหา VIP ก็จะเจอเลย พอจะติดต่อก็เลือกได้เลยว่าจะติดต่อทางไหน โทรศัพท์ Email Line ที่ลูกค้าป้อนข้อมูลไว้

การแชร์นามบัตรดิจิทัลในการประชุมออนไลน์ ผมเชื่อว่าทีมเซลล์ที่ฟังอยู่จะพบว่าทุกวันนี้มีการพบปะลูกค้าตัวเป็น ๆ น้อยลง แต่ประชุมหรือพรีเซนท์งานออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งเวลาพบลูกค้าทางออนไลน์บางครั้งอาจจะรู้สึกว่าเราไม่สามารถยื่นนามบัตรของเราได้สะดวกเหมือนเดิม ซึ่งปัญหานี้จะหมดไปเมื่อใช้แอพ YourQR   เหมือนที่ผมทำอยู่ตอนนี้ 

เมื่อเราประชุมหรือพรีเซนท์งานออนไลน์ เราก็เอา QR code ที่ได้จากนามบัตรมาใส่ใน background แบบนี้ เมื่อใครต้องการติดต่อเรา เขาก็แค่สแกน QR code บนหน้าจจอ โดยในตัวแอพเองจะมีปุ่ม แชร์ ที่จะสามารถแชร์เป็นรูปหรือลิงค์ก็ได้


อีกเรื่องที่สำคัญคือ บางทีเราเป็นองค์กรหรือบริษัท ที่เลิกใช้นามบัตรกระดาษด้วยเหตุผลของความสิ้นเปลือง รักษ์โลก ความทันสมัย แล้วเปลี่ยนมาใช้แอพ แต่เวลาไปพบลูกค้าที่ยังใช้นามบัตรกระดาษอยู่ เราสามารถใช้ฟีเจอร์ Human AI ของแอพถ่ายรูปนามบัตรกระดาษ แล้วแอพจะแปลงข้อมูลในนามบัตรกระดาษให้เป็นข้อมูลอยู่ในแอพของเรา เราสามารถเซอร์ไพรส์ลูกค้าที่ยังใช้นามบัตรกระดาษอยู่ได้ด้วยวิธีนี้ สร้างความประทับใจได้ หลังจากนั้นเรายังสามารถส่งข้อมูลนามบัตรดิจิทัลของเรากลับไปให้ลูกค้าทาง SMS หรือช่องทางอื่น ๆ ที่มีอยู่ในนามบัตรของลูกค้าได้ด้วย โดยที่ลูกค้ายังเก็บนามบัตรกระดาษของตัวเองไปใช้กับคนอื่นแทน ช่วยประหยัด และลดโลดกร้อนไปในตัว ลูกค้าก็จะรู้สึกว่าบริษัทนี้ทันสมัยและรู้จักนำเทคโนโลยีมาใช้ได้เหมาะสม


CDP ที่นำระบบ YourQR มาใช้ก็จะได้ทั้งในเรื่องความสะดวก ทันสมัย และรักษ์โลก และเป็นกระบวนการที่ง่ายและเร็วที่สุดในการได้มาซึ่งข้อมูลติดต่อลูกค้า เพียงพบกันไม่ว่าจะในการประชุมออนไลน์หรือตัวต่อตัวหรือในงานสัมมนาต่าง ๆ แทนที่เวลาเราไป event งานหนึ่งต้องสิ้นเปลืองนามบัตรเป็นกล่อง ๆ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องแล้ว เราแค่มีมือถือแล้วไปสแกนนามบัตรคนอื่นได้เลย หรือเรายื่นนามบัตรเราให้คนอื่นสแกนก็ได้เลยเช่นกัน ทั้งประหยัด สะดวกรวดเร็ว และข้อมูลก็ไหลเข้ามาในระบบขององค์กรด้วยไม่เฉพาะแอพของพนักงานคนนั้น เราสามารถรู้ได้เลยว่าพนักงานแต่ละคนแลกนามบัตรกับใครมาบ้าง มีคนสแกนนามบัตรแล้วกี่ครั้ง หรือรับนามบัตรใครมาบ้าง ซึ่งนามบัตรที่รับมานั้น เราถือว่าเป็นทรัพย์สินร่วมกันระหว่างองค์กรกับพนักงาน โดยพนักงานสามารถเข้าถึง Customer Data ได้ที่ตัวแอพเลย ส่วนองค์กรก็จะมีเว็บที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้


หลาย ๆ บริษัทมีความกังวลว่าเมื่อพนักงานลาออกแล้วจะเอานามบัตรที่เขาแลกมาตลอดเวลาที่ทำงานอยู่ไปด้วย องค์กรก็ไม่สามารถติดต่อลูกค้าได้เพราะไม่มีข้อมูล ปัญหานี้ก็จะหมดไป เพราะทันทีที่มีการแลกนามบัตรข้อมูลนั้นจะไหลเข้ามาที่องค์กรทันที แล้วองค์กรก็สามารถเข้ามาเรียก report ต่าง ๆ ดูความขัยนของพนักงานได้ และข้อมูลก็จะสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็น Customer Data Platform ที่องค์กรสามารถสะสมข้อมูลของลูกค้าแล้วนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่อง


ถึงตรงนี้ ผมอยากจะบอกว่านามบัตรดิจิทัลนี้ทำได้ฟรีนะครับ โดยบริษัท นายเน็ต พัฒนา YourQR ขึ้นมาเพราะอยากให้คนไทยและคนทั้งโลกได้ใช้กัน ก็ขอเชิญชวนให้ทดลองใช้กันครับ เข้าไป search คำว่า YourQR ใน App store หรือ Play store ได้ ทุกท่านก็สามารถสร้างนามบัตรของตัวเองได้ทันที แต่ถ้าเป็นองค์กรที่อยากใช้ประโยขน์ให้มากขึ้นก็จะมีการอัพเกรดเพื่อให้ใช้ฟังก์ชันหรือฟีเจอร์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น


ยกตัวอย่างการใช้งานจริงขององค์กรที่เป็นลูกค้าของเราและได้ใช้ YourQR แล้ว เช่นโรงแรมที่ต้องจัด event ต่าง ๆ และมีคนเข้ามาติดต่องานจำนวนมาก ต้องมีการแลกนามบัตร ลูกค้าจะรู้สึกสบายใจกว่ามากเมื่อการแลกนามบัตรคือการ scan QR code โดยไม่ต้องสัมผัสนามบัตรกระดาษ หรือโรงงานอุตสาหกรรม จะให้พนักงานใช้มือถือสแกน QR code เมื่อเข้าไปทำงานในจุดต่าง ๆ เพื่อรายงานตัว เราเรียกว่า QR Check-in ใช้เก็บบันทึกว่าใครไปที่ไหน เช่นเวลาขึ้นรถรับ-ส่งของบริษัทก็จะรู้ได้ว่า ถ้าเกิดกรณีติดเชื้อ เกิดจากรถคันไหน มีใครอยู่บนรถบ้าง ก็สามารถแยกคนที่มีความเสี่ยงออกมาได้ ไม่ต้องปิดทั้งโรงงาน ซึ่งตัวพนักงานเองก็รู้สึกสนุกกับการสแกนไปด้วยเพราะนอกจากสแกนเพื่อ check-in แล้วพวกเขายังใช้สแกนไทยชนะหรือสแกนโปรโมชั่นร้านค้าด้วย


เรายังมองไปถึงการเชื่อมโยงกับ software provider อื่น ๆ ด้วย เพราะมือถือในปัจจุบันก็เหมือนกับเครื่องมือประจำตัวของทุกคนไปแล้ว


อีกอย่างหนึ่งที่ลืมบอกไปคือ ถ้าเราเปลี่ยนตำแหน่งหรือเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องแจ้งบอกใครแล้ว เพราะข้อมูลใน YourQR จะเปลี่ยนโดยทันทีแบบที่นามบัตรกระดาษทำไม่ได้


บริษัท นายเน็ต จำกัด

47/17 ถนนเสนานิคม 1 แขวงลาดพร้าว

เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230


โทรศัพท์ 083-084-1771

อีเมล์ contact@9net.co.th

Copyright ® 2023 9net.co.th